×

Call Me Chihiro ข้าวกล่องขจัดความเหงา

Call Me Chihiro ข้าวกล่องขจัดความเหงา

วันนี้เราจะมาพูดคุยอีกแง่มุมนึงของภาพยนตร์เรื่อง Call Me Chihiro ข้าวกล่องขจัดความเหงา กันค่ะวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงข้าวกล่องสไตล์ญี่ปุ่นหรือว่าเบนโตะ ก่อนที่เราจะไปพูดคุยกันถึงภาพยนตร์เรื่องนี้เรามาทำความรู้จักกับข้าวกล่องเป็นตัวกันก่อนเลยนะคะ คำว่าเป็นตัวในญี่ปุ่นเนี่ยถูกเลือกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นการเรียกการกินอาหารกล่องไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เตรียมขึ้นเอง หรือว่าอาหารที่เราซื้อมาแต่ก่อนที่เราจะมาทำความรู้จักให้มากขึ้น

แอดมินก็ต้องขอฝากให้ไปติดตาม อัพเดตซีรีย์เกาหลี กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้ แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ เบทฟิก68 ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ

Call Me Chihiro ข้าวกล่องขจัดความเหงา

ต้นกำเนิดของเบนโตะ มีมาตั้งแต่สมัยที่คนยังต้องออกล่าสัตว์ เพื่อมาเป็นอาหาร ซึ่งมีหลักฐานบันทึกในพงศาวดาร Nihon Shoki ที่กล่าวเอาไว้ว่า เวลาเค้าจะออกไปล่าเหยื่อกัน คนญี่ปุ่นเค้าจะนำข้าวสาร ที่หุงแล้วหรือว่านึ่งให้สุก แล้วมาตากแดด แล้วก็ปั้นเป็นก้อน เพื่อจะพกกินได้ระหว่างการเดินทางไกลนั่นเองค่ะ จนพัฒนามาเรื่อยๆ

โดยการเพิ่มวัตถุดิบในการห่อเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผัก แล้วก็ของหวานนั่นเองค่ะ เช่นเดียวกันกับชนชั้นสูง ที่จะห่ออาหาร ไปรับประทานระหว่างไปเดินชมดอกไม้ ไปปิกนิกอะไรแบบนั้น ในยุคนั้น โดยเป็นต่อจะมีการแบ่งออกเป็นชั้น หรือว่าเป็นเหมือนลิ้นชัก ที่เราดึงออกมาได้ ก็จะเรียกว่า Yusanbentou โดยตัวกล่องจะมีการตกแต่งลวดลายที่สวยงาม

ให้เหมาะกับชนชั้นสูง ต่อมาเป็นตัวก็ยังเป็นที่นิยมจากการที่ผู้ชม ไปดูละครละครนก และละครคาบูลกิ ช่วงระหว่างที่เราแสดงละคร ก็จะจะมีช่วงที่ปิดม่าน ช่วงนั้นเนี่ยผู้ชมก็จะหยิบเบนโตะขึ้นมารับประทานอาหาร ซึ่งเป็นช่วงพักการแสดงนั่นเองค่ะ ซึ่งเข้ากล่องประเภทนี้ก็จะเรียกว่า Makunouchi ซึ่งจะประกอบไปด้วยปลา เนื้อ ผักต้ม ผักดอง แล้วก็ข้าว

อาจจะโรยด้วยงา หรือว่ามีบ๊วย แถมมาให้นั่นเองค่ะ จนกลายเป็นรูปแบบเบนโตะที่เรานิยมกินมาจนจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งแบ่งออกมาแต่ละประเภทที่เห็นเด่นชัดมากที่สุดอยู่ที่ 5 แบบแรกเนี่ยก็คือ 

อย่างที่เรากล่าวกันไปนะคะ มันก็คือเป็นเป็นตัวที่ถูกแบ่งออกมาเป็นช่องที่เรามักจะกินโดยทั่วไปในปัจจุบัน สามารถซื้อกินได้ง่าย ตามสถานีรถไฟหรือว่าร้านสะดวกซื้อนั่นเองค่ะ

แบบนี้คือที่เรียกกันว่าโอนิกิรินั่นเองค่ะ ลักษณะของประเภทนี้ ก็จะเป็นข้าวปั้น ซึ่งจะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบสามเหลี่ยม แบบก้อนกลมหรือเป็นแท่ง ก็อาจจะหอด้วยสาหร่าย แล้วก็โรยด้วยงา หรือผงโรยข้าวตามประเภทต่างๆนั่นเองค่ะ

จะเป็นข้าวกล่องที่มีเนื้อหมูผัดขิงเป็นอาหารหลัก เป็นอาหารยอดนิยมสำหรับรองท้องในยามบ่าย แล้วก็หาซื้อได้แทบทุกร้านสะดวกซื้อเลยโดยแต่ละร้านก็จะมีผักดองเป็นเครื่องเคียงด้วย

เป็นข้าวกล่องที่จะโดดเด่นในเรื่องของสีสัน มีการจัดเรียงทั้งเรื่อง เนื้อ ปลา กุ้ง ไข่ ผัก และข้าว สลับกันให้มีสีสันที่ออกมาสวยงามนั่นเองค่ะ

เป็นคำทับศัพท์มาจากคำว่า คาแรกเตอร์เบนโตะ ในภาษาอังกฤษเป็นเบนโตะที่ใช้ไอเดีย แล้วก็ใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกแบบเป็นรูปตัวการ์ตูน หรือว่าตัวละครต่างๆ ให้ออกมาทั้งน่ารัก แล้วก็น่ากินอีกด้วย 

ซึ่งเป็นตัวแบบนี้มีประเด็นให้พูดถึงเช่นกันรู้มั้ยคะ ว่าความจริงแล้วเนี่ย ข้าวกล่องก็แสดงถึงความเหลื่อมล้ำได้เหมือนกัน ซึ่งประเด็นตรงนี้แหละค่ะ ที่มันทำให้เกิดประเด็นของการบูลี่ หรือว่าแสดงความเหลื่อมล้ำขึ้นมา เพราะว่าเด็กเด็กเกิดการนำเบนโตะเหล่านี้ มาอวดกันในโรงเรียน ว่าของใครน่ารักกว่า ของใครน่ากินกว่า จึงทำให้เด็กคนนั้นเกิดเป็นปมเล็กๆ

ในใจที่อยากจะเอาข้าวกล่องของตัวเอง แอบหนีไปกินคนเดียว หรือว่ารีบกินให้หมดไปซะ จะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ปัญหานี้ค่ะ กลายเป็นปัญหาใหญ่ นั่นก็คือปัญหาของการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน จนนำไปสู่การฆ่าตัวตายในปี 2017 มีสถิติการฆ่าตัวตายภายในโรงเรียน

สูงเป็นอันดับหนึ่งคือเด็กประถม และอีกด้านหนึ่งคือการทำเบนโตะแบบนี้ ยังเพิ่มความกดดันให้กับเหล่าแม่ๆอีกด้วยค่ะ เพราะว่าการทำข้าวกล่องประเภทนี้ มันจะเป็นข้าวกล่องที่ค่อนข้างทำยาก แล้วก็ใช้วัตถุดิบที่เยอะ และใช้เวลานานมาก ในการทำทำให้ความคาดหวังของครอบครัว จะตกไปอยู่ที่ตัวแม่ซะส่วนใหญ่ 

แล้วก็เพิ่มภาระให้แม่นั่นเองค่ะ แต่ในปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่น ก็ได้มีนโยบายออกมาว่าโรงเรียนต้องมีการจัดจัดอาหารให้กับนักเรียน เพื่อลดปัญหาการเรียนเหลื่อมล้ำในโรงเรียน และการแบ่งแยกในโรงเรียนรวมถึงช่วยลดภาระของเราให้แม่ได้อีกด้วยค่ะ แล้วเคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมเบนโตะถึงต้องมีบ๊วยวางอยู่บนข้าวบ๊วยดองหรือว่า Umeboshi 

ความจริงแล้วหลักๆคือวางไว้เพื่อการไม่ให้ข้าวบูดนั่นเองค่ะ เพราะว่าเม็ดบ๊วยดอง จะช่วยฆ่าเชื้อแล้วก็ยับยั้งแบคทีเรีย ไม่ให้เข้าที่อยู่ในกล่องข้าวที่มันอยู่มาทั้งวันเสียไปซะก่อนที่เราจะได้ทานนั่นเองค่ะ ทีนี้เรามาเข้าสู่เนื้อหาของภาพยนตร์กันดีกว่าค่ะ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของอดีตหญิงสาวขายบริการคนหนึ่ง ที่ผ่านตัวมาเป็นพนักงานขายเบนโต๊ะ

เธอเนี่ยไม่ได้ปิดบังอะไรที่ตัวเองเคยเป็นอะไรมาก่อนนะคะ ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นใคร ถามว่ามันเป็นเรื่องปกติทั่วไป โดยที่เธอเป็นคนที่สดใสร่าเริง แล้วก็เข้ากับผู้คนได้ค่อนข้างง่ายมากเลย ในขณะเดียวกันก็จะมีเซโอะ หญิงสาวม.ปลายคนหนึ่ง ที่คอยแอบถ่ายรูปของเธอ แต่ว่าไม่กล้าเข้าไปทักเธอซักที ซึ่งก็ได้เจอคนต่างๆมากมาย ที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชายเร่ร่อน สูงอายุ หรือว่าจะเป็นเบทจิน เด็กม.ปลายที่โดดเรียนมาจากอ่านการ์ตูนห้องลับ ที่เธอสร้างเอาไว้ บาชิรุ่นพี่ในที่ทำงานเก่า

ที่ถูกแฟนทิ้งแถมยังขโมยเงินที่เธอทำงานขายตัวมาทั้งชีวิตไปทั้งหมด  ด้วย และมาโคโตะ เด็กน้อยที่ไม่ค่อยได้อยู่กับแม่ และอีกคนนึงก็คือตัวเอกภรรยาของเจ้าของร้านขายข้าวกล่อง ที่เธอทำงานอยู่ ที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ทุกคนต่างมีจุดเดียวกัน นั่นก็คือเรื่องของความเหงา แล้วก็ความโดดเดี่ยว ที่แต่ละคนต่างพบเจอมาไม่เหมือนกัน ซึ่งเธอก็ดูเหมือน

จะเป็นคนที่คอยช่วยขจัดความเหงาเหล่านั้นให้หมดไปจากทุกคน  นั่นเองค่ะ เค้าว่ากันว่าอาหาร คือตัวเชื่อมที่ทำให้คนที่เหมือนกัน เข้ามาเจอกันแต่ในขณะเดียวกันก็ผลักใส่คนไม่เหมือนกันให้ออกไป จากการที่แอดมินได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว สิ่งที่แอดมินสนใจอยากจะแชร์อยู่หลากหลายประเด็นด้วยกัน โดยประเด็นแรกอยากจะแชร์ในเรื่องของ

ความสัมพันธ์บนโต๊ะอาหารของครอบครัวของเซโอะ ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอจะดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แล้วก็ดูเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่รับประทานอาหารพร้อมหน้ากันตลอด มีพ่อแม่ ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากัน แม่ก็ทำอาหารอร่อย เรียกได้ว่าถึงขั้นที่เป็นเชฟที่ถูกยอมรับได้เลย  ทุกอย่างดูจากเพอร์เฟคค่ะ แต่บนโต๊ะกินข้าวของ

ครอบครัวนี้เซโอะกลับรู้สึกว่ามันไร้รสชาติ และไร้สีสันมากมีแต่ความอึดอัดที่เกิดขึ้นเพราะว่า ตัวพ่อของเธอ เป็นคนที่มักจะมีนิสัยที่ชอบชี้นำทุกคนในครอบครัว ให้เป็นไปตามที่เค้าอยากจะให้เป็น เรื่องอะไรแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกถึงความกดดัน ที่มหาศาลมาก จนทำให้เธอไม่ชอบกินข้าวที่บ้านนั่นเองค่ะ

แต่ก่อนจากกัน แอดมินก็ต้องขอฝากเว็บไซต์ ซีรีย์ ของเราเอาไว้ด้วยนะคะ เพื่อที่จะไม่พลาดเทรนใหม่ๆค่ะ