×

MISSION: IMPOSSIBLE FALLOUT

MISSION: IMPOSSIBLE FALLOUT

            วันนี้แอดมินก็จะมาเล่าถึงเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่อง MISSION: IMPOSSIBLE FALLOUT ซึ่งนับเป็นเวลากว่าสองทศวรรษ ที่ TOM CRUISE ได้พาคนดูไปพบกับหลายฉากเสี่ยงตาย ในเฟรนไชน์หนังเรื่องนี้ สร้างปรากฏการณ์กวาดรายได้ทั่วโลกไปแล้วกว่า 2800 ล้านเหรียญจนกลายเป็นเฟรนไชน์หนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ เดี๋ยววันนี้เราจะมาพูดคุยเรื่องนี้กันค่ะ แต่ก่อนที่จะไป แอดมินก็ขอฝากให้ไปติดตาม ALICE IN BORDERLAND2 กันด้วยนะคะ ถ้าไม่อยากพลาดความสนุก แล้วแอดมินก็ต้องขอขอบคุณ เว็บ 168 ที่สนับสนุนเราวันนี้ด้วยค่ะ

MISSION: IMPOSSIBLE FALLOUT เฟรนไชน์หนังทำเงินของ TOM CRUISE

            เพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของเค้าวันนี้ เราจะพาทุกท่านย้อนรอยความสำเร็จและปลดล็อคเบื้องหลังของเสน่ห์ ที่ทำให้แฟรนไชส์เรื่องนี้ ครองใจผู้ชมทั่วโลกไปพร้อมกันค่ะ ถึงแม้เราจะจดจำกันได้ดีว่าภารกิจเสี่ยงตายครั้งแรกของอีธาน ฮันจ์ เริ่มต้นขึ้นในปี 1996 แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว มิชชั่นอินพอสซิเบิ้ล เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากซีรีย์เรื่องโปรดของทอม คูส

 ที่ออกฉายในช่วงปี 1966 ถึงปี 1973 สร้างสรรค์ด้วย Bruce Geller ว่าด้วยเรื่องราวของอิมพอสซิเบิ้ลมิชชั่นฟอส หรือว่าไอเอ็มเอฟ องค์กรลับของรัฐบาล ที่มีหน้าที่ทำภารกิจที่ฟังดูเป็นไปไม่ได้ ทั้งการโจรกรรมไปจนถึงภารกิจลอบสังหาร โดยในแต่ละตอนของซีรีย์ จะมีการสลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนสมาชิกในทีมไปมา เพื่อความเหมาะสมของภารกิจ ซึ่งในฉบับภาพยนตร์ปี 1996 ของผู้กำกับ Brian De Palma

ก็ได้มีการสับขาหลอกคนดูครั้งใหญ่ โดยการนำตัวละครเด่นจากซีรีย์อย่างจิม มาเป็นหัวหน้าทีมนำภารกิจโจรกรรมในกรุงปาร์ก ซึ่งล้มเหลวไม่เป็นท่า สมาชิกในทีมโดนสังหารเกือบหมด อีธาน ฮันจ์ จึงต้องก้าวขึ้นมานำทีมปฏิบัติการ ตามล่าหาตัวการผู้อยู่เบื้องหลัง ก่อนจะพบว่าแท้จริงแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับตำนานขององค์กร และยังเป็นเหมือนครูของเขา คือคนชักใยแผนทั้งหมด เรื่องนี้นอกจากจะเป็นการระเบิด

แอ็คชั่นเต็มตัวของทอมแล้ว ก็ยังเป็นครั้งแรกที่เขาก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง เป็นผู้อำนวยการสร้างร่วมกับพอลล่า แว้กเนอร์ ซึ่งต่อมาเธอก็ได้กลายมาเป็นผู้อำนวยการสร้างคู่ใจของเค้า มีผลงานร่วมกันตามมาอีกเจ็ดเรื่อง และรวมกันตามหาสูตรที่ใช่ของแฟรนไชส์ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แฟรนไชส์นี้นั้นโดดเด่นกว่าใคร นั้นก็คือการที่หนังมีเรื่องราวจบในตัว ไม่เคยดูภาคใดมาก่อนก็สามารถดูรู้เรื่อง ถ้าหากเป็นแฟนคลับแล้ว

ก็จะพบจุดเชื่อมโยงเล็กน้อยอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทิศทางนี้เองก็เปิดโอกาสให้ผู้กำกับที่มีสไตล์เฉพาะตัว เข้ามาพัฒนาและปรับเปลี่ยนทิศทางของแฟรนไชส์ จนทำให้หนังมีรสชาติเปลี่ยนไปทุกครั้งที่ขึ้นจอนั่นเองค่ะ

📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽 📽